พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระเชตุพลหน้าโห...
พระเชตุพลหน้าโหนก สุโขทัย
พระเชตุพลหน้าโหนก สุโขทัย
พระกรุ วัดเชตุพน จ.สุโขทัย อายุ 700 ปี ของดีที่น่าสะสม
"พระเชตุพน" เป็นนามพระอารามเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยพุทธกาล เป็นคำที่แผลงมาจาก "เชตวันมหาวิหาร" พระพุทธเจ้าโปรดที่นี่มาก จะเห็นได้ว่าเสด็จประทับจำพรรษา ณ ที่นี้รวมแล้วถึง 19 พรรษา ในจำนวน 45 พรรษา แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจของพระองค์ วัดนี้อนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีสร้างถวายเป็นพุทธบูชา เดิมทีเป็นสวนอันน่ารื่นรมย์ของเจ้าเชต เมื่อคราอนาถปิณฑิกเศรษฐีได้เดินทางไปเมืองราชคฤห์ และพบพระพุทธองค์เป็นครั้งแรกที่สีตวัน ได้ฟังธรรมแล้วปฏิญาณตนเป็นอุบาสก ได้กราบทูลเชิญให้พระพุทธองค์เสด็จสาวัตถี


ครั้นเมื่อกลับไปเมืองแล้ว ก็พยายามแสวงหาที่อันเหมาะสม เพื่อสร้างเป็นอารามถวายพระพุทธเจ้าจนได้สถานที่อันถูกใจ ได้ติดต่อขอซื้อจากเจ้าเชต แต่ในครั้งแรกเจ้าเชตไม่ยอมขายให้ เมื่อถูกรบเร้าเจ้าเชตก็แกล้งโก่งราคาว่า ถ้าเศรษฐีสามารถเอาแผ่นทองคำมาปูเต็มเนื้อที่สวนได้ก็จะขายให้เท่ามูลค่าของราคาทองคำนั้น คือ แกล้งพูดไปอย่างที่ไม่คิดจะขาย แต่อนาถปิณฑิกนั้นตอบตกลง เจ้าเชตจึงยอมจำนนขายให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ เมื่ออนาถปิณฑิกเศรษฐีซื้อสถานที่ได้แล้วก็จัดการสร้างพระอาราม ประกอบด้วยเสนาสนะและพุทธวิหารมากมาย ทำพิธีถวายสงฆ์และมีการเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริกยิ่ง ภายในบริเวณเชตวันมหาวิหาร มีผู้มาร่วมสมทบสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุอีกมากมาย เหนือซุ้มประตูทางเข้าพระเชตวัน ได้มีการสร้างสถูปบรรจุอัฐิของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะไว้เป็นที่สักการะของสัตบุรุษทั่วไปด้วย

เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าไปตั้งมั่นอยู่ประเทศต่าง ๆ นับแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ทรงส่งพระมหาเถระเข้าไปประกาศพุทธศาสนาเป็นต้นมา ในแต่ละประเทศนั้น ก็ได้คตินิยมตั้งวัดเชตวันตามคติแบบอย่างครั้งสมัยพุทธกาล โดยในสยามประเทศเองนั้น เมื่อครั้งสุโขทัยเป็นราชธานี พระเจ้ารามคำแหงมหาราชก็ทรงอาราธนาพระสังฆราชสายลังกาวงศ์มาแต่เมืองนครศรีธรรมราช ทั้งทรงบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ในสมัยสุโขทัยนี้ มีการสถาปนาวัดต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เช่น วัดมหาธาตุ, วัดศรีสวาย, วัดตระพังเงิน, วัดตระพังทอง, วัดชนะสงคราม, วัดป่ามะม่วง, วัดสระศรี, วัดพระพายหลวง, วัดศรีชุม, วัดตะพานหิน, วัดพระบาทน้อย, วัดเจดีย์งาม, วัดเจดีย์สูง, วัดช้างล้อม, วัดเจดีย์สี่ห้อง, วัดสรศักดิ์ รวมถึงวัดพระเชตุพนตามคตินิยม เลียนแบบวัดเชตวันเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล

วัดพระเชตุพน (แผลงมาจากเชตวัน) มีคูล้อมรอบ นอกกำแพงเมืองมีคูก่ออิฐ มีมณฑปเป็นหลักของวัด กว้าง 8 เมตร ยาว 14 เมตร ยังเหลือแต่ผนังด้านหลัง ที่ผนังนั้นมีพระพุทธรูปปางลีลาปูนปั้นขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และพระพุทธรูปยืนอยู่ด้านหลัง ด้านข้าง 2 ข้างพังทลายไม่เห็นร่องรอยมีประตูและกำแพงหินชนวนแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โดยรอบหลังมณฑปใหญ่ออกไปมีมณฑปเล็ก ซึ่งตามซุ้มยังมีร่องรอยของภาพเขียนปรากฏอยู่ ด้านหน้ามณฑปใหญ่ มีวิหาร 6 ห้องนับเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง สร้างมาก่อน พ.ศ. 1955 เพราะในจารึกวัดสรศักดิ์ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 1955 มีกล่าวถึงชื่อวัดนี้แล้ว

พุทธศิลป์ของพระเชตุพน เป็นศิลปะของสมัยสุโขทัยเป็นราชธานีซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่พุทธศาสนารุ่งเรื่องเป็นอย่างยิ่งสมัยนั้นไพร่ฟ้าประชาชนหรือแม้แต่องค์พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงต่างมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนากันมากกว่ายุคอื่นๆดังนั้น พระเครื่องที่สร้างในสมัยสุโขทัยอันเป็นสมัยที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจึงนับว่าเป็นพระเครื่องที่สูงส่งคุณค่าเป็นอย่างยิ่งควรค่าแก่การสะสม

พิมพ์ฐานสูงเนื้อดิน
ลักษณะของพระเชตุพน เป็นพระเครื่องขนาดเล็กประมาณปลายนิ้วก้อย รูปทรงสัณฐานเป็นลักษณะสามเหลี่ยม องค์พระประทับนั่งสมาธิราบ องค์ที่สวยๆจะปรากฏรายละเอียดของสัดส่วนกายวิภาค ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ตา จมูก ปาก หู คิ้ว ไรผม ไหล่ แขน จะเห็นได้ชัดเจน แต่องค์ที่ไม่ค่อยสวยหรือสึกเพราะผ่านการใช้ไปบ้างแล้ว รายละเอียดเหล่านี้ก็จะลบเลือนหายไป ถึงแม้ว่ารายละเอียดเหล่านี้จาจจะสึกหรือลบเลือนไปก็จริงแต่ลักษณะของลำพระองค์จะดูชัดเจน เห็นแล้วจะเกิดความซาบซึ้งในพุทธประติมากรรม ยิ่งพระเชตุพนเป็นพระกรุที่มีขนาดเล็กและมีรายละเอียดปรากฎให้เห็นก็จะยิ่งเพิ่มความซึ้งในพุทธศิลปให้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เชี่อท่านเจอพระเชตุพนสักองค์หนึ่งก็ลองเอากล่องส่องดู พุทธศิลป์ขององค์พระ

พระเชตุพนถูกขุดขึ้นมาจากกรุเมื่อหลายสิบปีมาแล้วที่วัดเชตุพน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงสุโขทัย สมัยนั้นมีคนลักลอบขุดกรุเพื่อหาทรัพย์สมบัติตามวัดเก่าๆ กันมาก พระเจดีย์ใต้ฐานพระประธาน บริเวณวัดหรือแม้แต่ตามองค์พระที่มีขนดใหญ่ก็จะถูกเจาะขุดเพื่อหาของมีค่าไม่ยกเว้น นับว่าเป็นการทำลายศาสนวัตถุไปอย่างน่าเสียดายของผู้ที่ไม่กลัวบาปกรรมพระเชตุพนแล้วยังมีการขุดพบที่เขาพนมเพลิงอีกด้วย แต่เป็นการขุดได้จากบริเวณในเขตของจังหวัดสุโขทัย จึงมักมีการเรียกสร้อย ห้อยท้าย พระเชตุพนไปด้วยเสมอๆว่า “พระเชตุพนสุโขทัย” แต่ว่าในเขตจังหวัดกำแพงเพชรก็เคยมีพระขึ้นจากกรุ แล้วมีลักษณะคล้ายๆกันกับพระเชตุพนสุโขทัยเหมือนกัน แต่เรียกกันว่า “พระกำแพงหน้าโหนก” เพราะพระกรุของเมืองกำแพงเพชรมักจะมีการเรียกว่าพระกำแพงนำหน้าเสมอ
ผู้เข้าชม
11533 ครั้ง
ราคา
xxxx
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
มะกะระ พระกรุ
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
0818306399
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
244-0-006xx-x

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
พีพีพระเครื่องsorasakPakpoom1996BAINGERNhoppermanยิ้มสยาม573
เสือรากไทรปาล์ม บารมีเครื่องรางโกหมูเทพจิระep8600Muthita
เปียโนsomemanนรินทร์ ทัพไทยนานาเนินพระ99หริด์ เก้าแสน
jochotermboonส่องพระเครื่อง789เจริญสุขmon37Erawan
0949163342ภูมิ IRponsrithong2ponsrithongaithanyaผดุงศักดิ์

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1270 คน

เพิ่มข้อมูล

พระเชตุพลหน้าโหนก สุโขทัย



  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระเชตุพลหน้าโหนก สุโขทัย
รายละเอียด
พระเชตุพลหน้าโหนก สุโขทัย
พระกรุ วัดเชตุพน จ.สุโขทัย อายุ 700 ปี ของดีที่น่าสะสม
"พระเชตุพน" เป็นนามพระอารามเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยพุทธกาล เป็นคำที่แผลงมาจาก "เชตวันมหาวิหาร" พระพุทธเจ้าโปรดที่นี่มาก จะเห็นได้ว่าเสด็จประทับจำพรรษา ณ ที่นี้รวมแล้วถึง 19 พรรษา ในจำนวน 45 พรรษา แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจของพระองค์ วัดนี้อนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีสร้างถวายเป็นพุทธบูชา เดิมทีเป็นสวนอันน่ารื่นรมย์ของเจ้าเชต เมื่อคราอนาถปิณฑิกเศรษฐีได้เดินทางไปเมืองราชคฤห์ และพบพระพุทธองค์เป็นครั้งแรกที่สีตวัน ได้ฟังธรรมแล้วปฏิญาณตนเป็นอุบาสก ได้กราบทูลเชิญให้พระพุทธองค์เสด็จสาวัตถี


ครั้นเมื่อกลับไปเมืองแล้ว ก็พยายามแสวงหาที่อันเหมาะสม เพื่อสร้างเป็นอารามถวายพระพุทธเจ้าจนได้สถานที่อันถูกใจ ได้ติดต่อขอซื้อจากเจ้าเชต แต่ในครั้งแรกเจ้าเชตไม่ยอมขายให้ เมื่อถูกรบเร้าเจ้าเชตก็แกล้งโก่งราคาว่า ถ้าเศรษฐีสามารถเอาแผ่นทองคำมาปูเต็มเนื้อที่สวนได้ก็จะขายให้เท่ามูลค่าของราคาทองคำนั้น คือ แกล้งพูดไปอย่างที่ไม่คิดจะขาย แต่อนาถปิณฑิกนั้นตอบตกลง เจ้าเชตจึงยอมจำนนขายให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ เมื่ออนาถปิณฑิกเศรษฐีซื้อสถานที่ได้แล้วก็จัดการสร้างพระอาราม ประกอบด้วยเสนาสนะและพุทธวิหารมากมาย ทำพิธีถวายสงฆ์และมีการเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริกยิ่ง ภายในบริเวณเชตวันมหาวิหาร มีผู้มาร่วมสมทบสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุอีกมากมาย เหนือซุ้มประตูทางเข้าพระเชตวัน ได้มีการสร้างสถูปบรรจุอัฐิของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะไว้เป็นที่สักการะของสัตบุรุษทั่วไปด้วย

เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าไปตั้งมั่นอยู่ประเทศต่าง ๆ นับแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ทรงส่งพระมหาเถระเข้าไปประกาศพุทธศาสนาเป็นต้นมา ในแต่ละประเทศนั้น ก็ได้คตินิยมตั้งวัดเชตวันตามคติแบบอย่างครั้งสมัยพุทธกาล โดยในสยามประเทศเองนั้น เมื่อครั้งสุโขทัยเป็นราชธานี พระเจ้ารามคำแหงมหาราชก็ทรงอาราธนาพระสังฆราชสายลังกาวงศ์มาแต่เมืองนครศรีธรรมราช ทั้งทรงบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ในสมัยสุโขทัยนี้ มีการสถาปนาวัดต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เช่น วัดมหาธาตุ, วัดศรีสวาย, วัดตระพังเงิน, วัดตระพังทอง, วัดชนะสงคราม, วัดป่ามะม่วง, วัดสระศรี, วัดพระพายหลวง, วัดศรีชุม, วัดตะพานหิน, วัดพระบาทน้อย, วัดเจดีย์งาม, วัดเจดีย์สูง, วัดช้างล้อม, วัดเจดีย์สี่ห้อง, วัดสรศักดิ์ รวมถึงวัดพระเชตุพนตามคตินิยม เลียนแบบวัดเชตวันเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล

วัดพระเชตุพน (แผลงมาจากเชตวัน) มีคูล้อมรอบ นอกกำแพงเมืองมีคูก่ออิฐ มีมณฑปเป็นหลักของวัด กว้าง 8 เมตร ยาว 14 เมตร ยังเหลือแต่ผนังด้านหลัง ที่ผนังนั้นมีพระพุทธรูปปางลีลาปูนปั้นขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และพระพุทธรูปยืนอยู่ด้านหลัง ด้านข้าง 2 ข้างพังทลายไม่เห็นร่องรอยมีประตูและกำแพงหินชนวนแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โดยรอบหลังมณฑปใหญ่ออกไปมีมณฑปเล็ก ซึ่งตามซุ้มยังมีร่องรอยของภาพเขียนปรากฏอยู่ ด้านหน้ามณฑปใหญ่ มีวิหาร 6 ห้องนับเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง สร้างมาก่อน พ.ศ. 1955 เพราะในจารึกวัดสรศักดิ์ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 1955 มีกล่าวถึงชื่อวัดนี้แล้ว

พุทธศิลป์ของพระเชตุพน เป็นศิลปะของสมัยสุโขทัยเป็นราชธานีซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่พุทธศาสนารุ่งเรื่องเป็นอย่างยิ่งสมัยนั้นไพร่ฟ้าประชาชนหรือแม้แต่องค์พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงต่างมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนากันมากกว่ายุคอื่นๆดังนั้น พระเครื่องที่สร้างในสมัยสุโขทัยอันเป็นสมัยที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจึงนับว่าเป็นพระเครื่องที่สูงส่งคุณค่าเป็นอย่างยิ่งควรค่าแก่การสะสม

พิมพ์ฐานสูงเนื้อดิน
ลักษณะของพระเชตุพน เป็นพระเครื่องขนาดเล็กประมาณปลายนิ้วก้อย รูปทรงสัณฐานเป็นลักษณะสามเหลี่ยม องค์พระประทับนั่งสมาธิราบ องค์ที่สวยๆจะปรากฏรายละเอียดของสัดส่วนกายวิภาค ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ตา จมูก ปาก หู คิ้ว ไรผม ไหล่ แขน จะเห็นได้ชัดเจน แต่องค์ที่ไม่ค่อยสวยหรือสึกเพราะผ่านการใช้ไปบ้างแล้ว รายละเอียดเหล่านี้ก็จะลบเลือนหายไป ถึงแม้ว่ารายละเอียดเหล่านี้จาจจะสึกหรือลบเลือนไปก็จริงแต่ลักษณะของลำพระองค์จะดูชัดเจน เห็นแล้วจะเกิดความซาบซึ้งในพุทธประติมากรรม ยิ่งพระเชตุพนเป็นพระกรุที่มีขนาดเล็กและมีรายละเอียดปรากฎให้เห็นก็จะยิ่งเพิ่มความซึ้งในพุทธศิลปให้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เชี่อท่านเจอพระเชตุพนสักองค์หนึ่งก็ลองเอากล่องส่องดู พุทธศิลป์ขององค์พระ

พระเชตุพนถูกขุดขึ้นมาจากกรุเมื่อหลายสิบปีมาแล้วที่วัดเชตุพน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงสุโขทัย สมัยนั้นมีคนลักลอบขุดกรุเพื่อหาทรัพย์สมบัติตามวัดเก่าๆ กันมาก พระเจดีย์ใต้ฐานพระประธาน บริเวณวัดหรือแม้แต่ตามองค์พระที่มีขนดใหญ่ก็จะถูกเจาะขุดเพื่อหาของมีค่าไม่ยกเว้น นับว่าเป็นการทำลายศาสนวัตถุไปอย่างน่าเสียดายของผู้ที่ไม่กลัวบาปกรรมพระเชตุพนแล้วยังมีการขุดพบที่เขาพนมเพลิงอีกด้วย แต่เป็นการขุดได้จากบริเวณในเขตของจังหวัดสุโขทัย จึงมักมีการเรียกสร้อย ห้อยท้าย พระเชตุพนไปด้วยเสมอๆว่า “พระเชตุพนสุโขทัย” แต่ว่าในเขตจังหวัดกำแพงเพชรก็เคยมีพระขึ้นจากกรุ แล้วมีลักษณะคล้ายๆกันกับพระเชตุพนสุโขทัยเหมือนกัน แต่เรียกกันว่า “พระกำแพงหน้าโหนก” เพราะพระกรุของเมืองกำแพงเพชรมักจะมีการเรียกว่าพระกำแพงนำหน้าเสมอ
ราคาปัจจุบัน
xxxx
จำนวนผู้เข้าชม
11603 ครั้ง
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
มะกะระ พระกรุ
URL
เบอร์โทรศัพท์
0813116011
ID LINE
0818306399
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 244-0-006xx-x




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี